ag3772.com
เมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 60, 000-200, 000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนใบขับขี่ สำหรับช่วงคุมเข้มอุบัติเหตุเทศกาลสงกรานต์ หรือที่เรียกว่า 7 วันอันตราย ระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน 2564 ในปีนี้เจ้าหน้าที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุ พร้อมตั้งจุดตรวจ เพื่อบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นจริงจังและต่อเนื่องตาม 10 มาตรการ ดังนี้ 1. ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 2. ขับรถย้อนศร 3. ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร 4. ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย 5. ไม่มีใบขับขี่ 6. แซงในที่คับขัน 7. เมาสุรา 8. ไม่สวมหมวกนิรภัย 9. มอเตอร์ไซค์ไม่ปลอดภัย 10. ใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ กรณีผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ทดสอบความสามารถในอันที่จะขับหรือเมาสุรา หรือของอย่างอื่น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้นั้นเมาสุราหรือเมาของอย่างอื่น รวมทั้งจะเนินการตามมาตรการ ตรวจวัดแอลกฮอล์ อย่างเข้มข้นในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วทำให้มีผู้บาดเจ็บรุนแรงหรือเสียชีวิต ดังนี้ 1. กรณีที่ผู้ขับขี่รู้สึกตัวดีให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เครื่องมือตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ทางลมหายใจ 2. กรณีที่ผู้ขับขี่ไม่สามารถตรวจทางลมหายใจได้ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหนังสือส่งตัวผู้ขับขี่ดังกล่าวไปยังโรงพยาบาลเพื่อเจาะเลือดตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ ปฏิเสธเป่า = เมาแล้วขับ ถ้ากรณีผู้ขับขี่ไม่ยอมให้ทดสอบ หย่อนความสามารถในการขับขี่โดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่ง พ.
ระบุว่าปี 2563 พบเกิดอุบัติเหตุ 1, 307 ครั้ง, บาดเจ็บ 1, 260 ราย และมีผู้เสียชีวิตรวม 167 ศพ ซึ่งการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมานั้น สาเหตุมาจากขับรถเร็ว ตัดหน้ากระชั้นชิด วูบหลับใน และเมาแล้วขับ สำหรับการดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ จะส่งผลให้ประสิทธิภาพในการขับรถลดลง เช่น มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โอกาสเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเป็น 2 เท่า และหากมีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ โอกาสเกิด อุบัติเหตุ เพิ่มขึ้นเป็น 6 เท่า นอกจากนี้ พ. ร. บ. จราจรทางบก พ. ศ. 2522 มาตรา 43 ได้ระบุห้ามมิให้ขับขี่รถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมา และได้มีการเพิ่มโทษหนักขึ้นกับ พ. จราจรทางบก (ฉบับที่ 7) พ. 2550 กำหนดโทษของการเมาแล้วขับ ได้แก่ 1. เมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับตั้งแต่ 20, 000-100, 000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบขับขี่ 2. เมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส มีโทษจำคุก 2-6 ปี ปรับตั้งแต่ 40, 000-120, 000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพักใช้ใบขับขี่ไม่น้อยกว่า 2 ปี หรือเพิกถอนใบขับขี่ 3.
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดข้อกฎหมาย "เมาแล้วขับ" โทษหนักติดคุก 10 ปี ปรับสูงสุด 200, 000 บาท พร้อมเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ 11 ม. ค. 65 พล. ต. ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่มีพลเมืองดีแจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพบผู้หญิงรายหนึ่งขับรถไม่ไปตามทิศทางที่กำหนด (ย้อนศร) และมีอาการคล้ายคนเมาสุรา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพบรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเชิญตัวไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แต่เจ้าของรถไม่ยินยอม จึงได้นำตัวไปที่สถานีตำรวจเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นั้น พล. ยิ่งยศ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่นำตัวเจ้าของรถไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ แล้วพบว่ามีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงได้จับกุมตัว และแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงขอแจ้งเตือนพี่น้องประชาชนว่า ห้ามขับขี่ขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น เนื่องจากจะทำให้ไม่มีสติในการขับรถ ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เกิดความเสียหายทั้งต่อตนเองและผู้อื่น จนทำให้เกิดความสูญเสีย ถึงขั้นมีผู้เสียชีวิตได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเป็นความผิดตามกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.